วันอังคารที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ใบงานที่ 4 บทความสารคดี

 

ต้นกระบองเพชร
🔺 (cactus) 🔺



              กระบองเพชร (Mila sp., อังกฤษ: cactus) เป็นพืชชนิดหนึ่งที่อยู่ในทะเลทราย ต้นกระบองเพชรสามารถยืนต้นอยู่ได้แม้อยู่ในทะเลทรายที่แห้งแล้งกันดารโดยไม่ตายเพราะนานๆครั้งหนึ่งจะมีฝนตกจำนวนมากโดยต้นกระบองเพชรจะเก็บน้ำไว้ในลำต้นเป็นจำนวนมากมันจะใช้น้ำตลอดระยะเวลาแห้งแล้งที่ยาวนานและมันจะเปลี่ยนใบเป็นหนามเพื่อลดการคายน้ำดังนั้นมันจึงสามารถอยู่ในทะเลทรายได้
              สรรพคุณทางสมุนไพรของกระบองเพชร: สามารถใช้บรรเทาโรคบิดได้ สารสกัดกระบองเพชรช่วยลดอาการเมาค้าง ช่วยดูดซับรังสีจากจอคอมพิวเตอร์
        กระบองเพชรมีชื่ออื่นดังนี้ : โบตั๋น ท้าวพันตา แคกตัส









ความเชื่อ            การเป็นมงคล คนไทยโบราณเชื่อว่าบ้านใดปลูกต้นกระบองเพชรไว้ประจำบ้านจะทำให้เกิดโชคลาภ เพราะถ้าผู้ใดปลูกต้นกระบองเพชรให้เกิดดอกได้มากและสวยงามแสดงว่าผู้นั้นจะมีโชคลาภ ดังนั้นคนไทยโบราณถือว่าเป็นไม้เสี่ยงทายชนิดหนึ่ง นอกจากนี้ยังเชื่ออีกว่ายังสามารถป้องกันศัตรูจากภายนอกได้อีกด้วย เพราะต้นกระบองเพชรมีหนามและความคงทนแข็งแรง ดังนั้นคนไทยโบราณจึงนิยมปลูกตามแนวรั้วบ้าน เพื่อให้เป็นที่กลัวเกรงของศัตรูภายนอกตำแหน่งที่ปลูกและผู้ปลูกเพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย ควรปลูกต้นกระบองเพชรไว้ทางทิศตะวันตกผู้ปลูกควรปลูกในวันเสาร์เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เพื่อเอาคุณทั่วไปให้ปลูกในวันเสาร์


วิธีการปลูกและการดูแล
          มีคำพูดที่ได้ยินอยู่เสมอว่า ถ้าเลี้ยงแคคตัสตาย ก็ไม่ต้องเลี้ยงต้นอะไรแล้วแต่สำหรับคนที่เคยเลี้ยงมาแล้ว ก็มักจะพูดว่าเลี้ยงอยากจัง เน่าตายหมดเลย ต้นไม่สวยเหมือนตอนที่ซื้อมาเลย” สรุปว่า เลี้ยงง่ายหรือยากก็ไม่รู้ แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาที่เคยเลี้ยงดูแลพวกเขาอยู่ 3 ช่วงใหญ่ ๆ พบว่า ถ้าเข้าใจพื้นฐานความต้องการของต้นไม้พวกเขาเหล่านี้ดีแล้ว การเลี้ยงและดูแลแคคตัสก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยครับ แต่ที่เลี้ยง ๆ แล้วตาย นั่นเป็นเพราะดูแลเขาอย่างผิดวิธีนั่นเอง

          ธรรมชาติของแคคตัสส่วนใหญ่เกิดในทะเลทราย ที่โดนแสงแดดจัดทั้งวัน แถมฟ้าฝนก็ไม่ค่อยจะตก น้ำก็ไม่ค่อยจะมี แค่เรื่องนี้ เราก็น่าจะทราบได้ดีแล้วว่า การดูแลพวกเขาให้ดี ต้องทำอย่างไร จุดหลักจากข้อมูลข้างต้น ก็จะพบว่า แคคตัสต้องวางให้โดนแดดจัด ๆ ทั้งวัน และไม่ต้องรดน้ำให้เขามาก พวกเขาเอาตัวรอดได้จากการเก็บน้ำไว้ในลำต้นอันอวบอิ่มอยู่แล้วครับ
          ในบ้านเรา ถ้าเราไปซื้อแคคตัสจากร้านค้ามา ในการเลี้ยงดูของฟาร์มแต่ละฟาร์มนั้น ส่วนมากเขาจะเลี้ยงกันในโรงเรือนแบบปิด มีหลังคาเป็นหลังคาโปร่งแสงเพื่อให้แสงแดดส่องเข้ามาได้ตลอดทั้งวัน แต่จะกันน้ำกันฝนที่ตกลงมาเพียงเท่านั้นเอง การรดน้ำ ก็จะทำการรด 3-5 วันต่อครั้ง ดังนั้น เวลาที่เราไปซื้อหามาแล้วเอาพวกเขาไปตั้งบนโต๊ะทำงาน ห้องรับแขก โดยทันที แบบนี้ สักพักก็เตรียมเงินไว้ซื้อใหม่ได้เลยครับ เพราะพวกเขาจะค่อย ๆ ตายไปแบบที่คุณเองก็ไม่รู้ตัว



สถานที่ปลูกเลี้ยงแคคตัส
          การดูแลให้พวกเขางดงาม สวยเหมือนตอนที่ซื้อมา ที่ควรทำก็ต้องทำการเลี้ยงดูให้เหมือนกับฟาร์มนั่นแหละครับ เป็นโรงเรือนหลังคาใส แต่ว่าจะให้ทำแบบนั้นก็คงลำบากจนเกินไป ดังนั้น เราก็ต้องค่อย ๆ ให้พวกเขาปรับตัวทีละนิด เช่น วางพวกเขาไว้ที่ระเบียงที่โดนแดดเกือบทั้งวัน สำหรับคนที่พักอยู่ตามคอนโด จะอยู่ตะวันออกหรือตะวันตก ที่มีแสงแดดก็คงโชคดีหน่อย แต่ถ้าไม่มีแสงแดดเลย ก็ไม่ควรซื้อพวกเขามาเลี้ยงเลยนะครับ ตายเสียเปล่า ๆ
สำหรับคนที่อยู่บ้านมีสนามมีพื้นที่ที่โดนแดดจัดทั้งวัน ก็จะดีมาก สามารถเอาพวกเขาไปตากแดดได้เต็มวันเลยทีเดียว แต่ถ้าเป็นช่วงหน้าฝน ก็หาขวดพลาสติกใสมาตัดด้านก้นขวดออก แล้วครอบต้นแคคตัสไว้เป็นต้น ๆ เลยก็จะป้องกันน้ำฝนได้ดีครับ ด้านปากขวดไม่ต้องปิดฝานะ อากาศจะได้ระบายถ่ายเทได้ แต่ถ้ามีหลาย ๆ ต้น ก็ทำหลังคาใสมาบังไว้เลยก็จะดีมากครับ
          กรณีที่อยากเอามาวางประดับบนโต๊ะบ้าง ก็ยังสามารถทำได้ครับ ก็คือเลี้ยงสักหลาย ๆ ต้นหน่อย แล้วเวียนเอาพวกเขามาตั้งประดับสัก 2-3 วัน แล้วก็เอาออกไปเปลี่ยนคืนนั่นเอง การทำแบบนี้ ก็ใช่ว่าจะดีนะครับ แค่สามารถยืดชีวิตพวกเขาไปได้นานขึ้นก็เท่านั้นเอง นาน ๆ ไป ก็อาจจะแคระแกรนได้เช่นกันครับ แสงแดดจำเป็นต่อชีวิตพวกเขามาก เป็นพันธุ์หนาม หนามก็จะยาวสวยงาม เป็นพันธุ์ขนขาวปุย ก็จะขาวหนานุ่มสวยงามเช่นกัน



การดูแลรดน้ำแคคตัส
          มาว่าถึงอีกเรื่องที่สำคัญก็คือ การให้น้ำ แคคตัสเป็นพืชที่ไม่ชอบน้ำมาก ให้น้ำมากคือการฆ่าพวกเขาให้ตายนั่นเอง การเอาตัวรอดในเรื่องน้ำ พวกเขาพัฒนามาเป็นล้าน ๆ ปีแล้ว นั่นคือลำต้นที่อวบอิ่มเก็บกักน้ำไว้ภายในนั่นเอง
          ให้สังเกตดินปลูกเลี้ยงว่าแห้งแล้วหรือยัง ถ้าแห้งแล้วก็ให้ใช้ฝักบัวรดให้ชุ่ม ส่วนระยะเวลาห่างในการรดน้ำ สังเกตุง่าย ๆ หลังจากที่เรารดน้ำไปวันแรก ให้เช็คดูว่า อีกกี่วันดินถึงจะแห้ง เมื่อดินแห้งแล้วให้เว้นไปอีก 1 วัน แล้วค่อยรดน้ำใหม่ โดยให้ปล่อยดินได้แห้งบ้าง ไม่ใช่ชุ่มฉ่ำเปียกอยู่ตลอดเวลา ขนาดของกระถางเล็ก กระถางใหญ่ ก็มีผลกับระยะในการแห้งของดิน โดยเฉลี่ยแล้วจะรดประมาณ 4-5 วันครั้ง ถ้าเป็นไม้ต่อที่ต้องการน้ำมากหน่อย ก็จะรดวันเว้นวัน ถ้าเป็นกลุ่มฮาโวเทียจะรดพร้อมกับแคคตัส แต่จะสเปรย์น้ำให้วันเว้นวัน ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์อีกต่างหาก

การใส่ปุ๋ยแคคตัส
          สามารถใช้ปุ๋ยกล้วยไม้ให้แก่แคคตัสได้ แต่ควรใช้ในปริมาณที่ต่ำกว่าฉลากข้างขวดระบุไว้  ไม่ควรให้ปุ๋ยแคคตัสในปริมาณมาก เพราะอาจเกิดผลร้ายมากกว่าผลดี
          วิธีให้ปุ๋ยให้ได้ผลดีคือ ผสมให้เจือจางกว่าปกติ แต่รดให้บ่อยกว่าปกติ ใช้ปุ๋ยกล้วยไม้ 1 กรัม ต่อน้ำ 1 ลิตร รดทุก ๆ 2 สัปดาห์ก็พอ
          การให้ปุ๋ยแก่ต้นไม้ทุกชนิด ควรเริ่มให้เมื่อต้นไม้สามารถตั้งตัวได้ดีแล้ว ระบบรากเดินดีพร้อมที่จะกินอาหารได้ เวลาที่เราเปลี่ยนกระถางใหม่ ๆ ควรงดปุ๋ยไปจนกว่ายอดของต้นจะเริ่มเดิน นั่นหมายถึงสัญญานว่า ระบบรากเริ่มทำงานแล้ว  การรักษาระยะเวลาให้สม่ำเสมอในการให้ปุ๋ย จึงเป็นสิ่งควรยึดถือเป็นหลักในการปฏิบัติ เพื่อสุขภาพที่ดีของแคคตัส
          ส่วนยาฆ่าแมลงหรือยาป้องกันเชื้อราต่าง ๆ ผสมน้ำรดทุก ๆ 2-3 เดือน ต่อ 1 ครั้งก็เพียงพอแล้ว


การปลูกหรือเปลี่ยนกระถางแคคตัส
          การปลูกจะกระทำเมื่อแยกหน่อหรือได้ต้นใหม่ ส่วนการเปลี่ยนกระถางจะกระทำเมื่อต้นโตคับกระถางเก่า แต่อย่าลืมว่าต้องใช้ดินปลูกโดยเฉพาะเท่านั้น จะซื้อแบบที่เป็นถุงสำเร็จรูปสำหรับปลูกแคคตัสโดยเฉพาะ หรือจะผสมเองก็แล้วแต่เลย สูตรสำหรับดินก็มีให้เลือกหลากหลายมากมายอยู่เหมือนกันครับ สำหรับส่วนประกอบหลักที่เราจะผสมลงไปก็ ได้แก่
               เนื้อดิน เช่น ดินขุยไผ่  ดินใบก้ามปู ดินที่ผสมใบไม้หมักต่างๆแกลบ ขุยมะพร้าว พีทมอส หรือ มูลสัตว์ต่าง ๆ
               วัสดุที่ช่วยเพิ่มความโปร่งให้ดิน เช่น เพอร์ไลท์ (Perlite) หินภูเขาไฟ (Pumice) เวอร์มิคูไลท์ (Vermiculite) กรวดแม่น้ำ มะพร้าวสับ ถ่าน
                สารเคมีต่าง ๆ เช่น ปุ๋ยละลายช้า ยาฆ่าแมลงแบบเกร็ด (สตาร์เกิ้ลจี ฟูราดาน) ยาฆ่าเชื้อรา
ส่วนประกอบหลัก 3 ส่วนนี้ ควรจะเลือกชนิดที่นำมาผสม ให้เข้ากับความสะดวกในการซื้อหา และให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่นั้น ๆ
          ในการผสมดินนั้น เราควรคำนึงถึงความสะอาดของดินเพื่อไม่ให้เกิดเชื้อราหรือเชื้อโรคต่างๆในวัสดุที่เราจะนำมาผสมเราควรทำความสะอาด หรือ ตากแดดไว้สัก 3–5 วัน ก่อนที่จะนำมาผสมส่วนประกอบที่จะนำมาผสม มีธาตุอาหารเพียงพอหรือไม่ดินมีความโปร่งพอหรือไม่ดินโปร่งจะทำให้ดินแห้งไวน้ำสามารถซึมผ่านไปได้ทั้งกระถางตามธรรมชาติของแคคตัสแล้ว ไม่ได้ต้องการเนื้อดินเยอะควรเน้นไปที่วัสดุที่ช่วยความโปร่งให้ดินแล้วใส่ดินไปประมาณ ¼ ก็เพียงพอแล้วข้อสำคัญหลังจากที่ผสมดินเสร็จแล้ว ควรรดน้ำให้ชุ่ม และตากแดดทิ้งไว้ประมาณ 1-2 อาทิตย์ เราจะได้ดินที่สะอาดและไม่มีความร้อน จากการย่อยสลายตัวของอินทรีย์สารในดิน
ส่วนสูตรดินมีหลากหลายมากขึ้นอยู่กับวัสดุด้วยในที่นี้ขอใช้สูตรของ Jibi Cactus อีกเรื่องที่สำคัญคือขนาดของกระถางต้องเลือกให้เหมาะสมกับขนาดของต้นแคคตัส ม่เล็กและใหญ่จนเกินไปด้วย
                 1. ดินร่วน 1 ถ้วย
                 2. ทรายหยาบ 1 ถ้วย
                 3. พีทมอส 1 ถ้วย
                 4. หินภูเขาไฟ 1 ถ้วย
                 5. เพอร์ไลท์ 1 ถ้วย
                 6. แกลบดำ ½ ถ้วย
          ส่วนวัสดุที่นำมาโรยหน้าดินให้เลือกหินที่ไม่คมหรือแหลมเกินไปจนทำให้บาดต้นสีสันให้เข้ากับธรรมชาติการโรยหน้าดินช่วยป้องกันไม่ได้เศษดินดำๆกระเด็นไปโดนปุยขาวๆหรือเลอะโคนต้น


https://www.pinterest.com/pin/639581584552390426/


➷Vedio การเริ่มเลี้ยงต้นกระบองเพชร➹






https://www.youtube.com/watch?v=TM0NuHr1JL8&t=22s


➷ตัวอย่างธุรกิจกระบองเพชร➹



ใบงานที่ 3 พรบคอมพิวเตอร์



👥 พรบคอมพิวเตอร์ ๒๕๖๐ 💬




👱 สรุปข้อมูลเกี่ยวกับพรบคอมพิวเตอร์
 ฉบับปรับปรุงแก้ไข พ.ศ. ๒๕๖๐  💥









       👾 สาระสำคัญพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๖๐ 👾 






👮 พรบคอมพิวเตอร์ ๒๕๖๐ ฉบับเต็ม 👮





💫 Video ความรู้เกี่ยวกับพรบคอมพิวเตอร์ ๒๕๖๐💫




https://www.youtube.com/watch?v=aiel9CYoP6M



ใบงานที่ 2 ความรู้เรื่องบล็อค




                               💂  What
Is a Blog ? 👸







👀 ความหมายของคำว่า Blog ✌

      คือการบันทึกบทความของตนเอง(PersonalJournal)ลงบนเว็บไซต์โดยเนื้อหาของ blog นั้นจะครอบคลุมได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวส่วนตัว หรือเป็นบทความเฉพาะด้านต่างๆเช่นเรื่องการเมืองเรื่องกล้องถ่ายรูปเรื่องกีฬา เรื่องธุรกิจ เป็นต้น โดยจุดเด่นที่ทำให้บล็อกเป็นที่นิยมก็คือผู้เขียนบล็อกจะมีการแสดงความคิดเห็นของตนเองใส่ลงไปในบทความนั้นๆโดยบล็อกบางแห่งจะมีอิทธิพลในการโน้มน้าวจิตใจผู้อ่านสูงมากแต่ในขณะเดียวกัน บางบล็อกก็จะเขียนขึ้นมาเพื่อให้อ่านกันในกลุ่มเฉพาะเช่นกลุ่มเพื่อนๆหรือครอบครัวตนเอง
มีหลายครั้งที่เกิดความเข้าใจกันผิดว่า Blog เป็นได้แค่ไดอารี่ออนไลน์ แต่ในความเป็นจริงแล้วไดอารี่ออนไลน์เปรียบเสมือนเนื้อหาประเภทหนึ่งของบล็อกเท่านั้นเพราะบล็อกมีเนื้อหาที่หลากหลายประเภท ตั้งแต่การบันทึกเรื่องส่วนตัวอย่างเช่นไดอารี่หรือการบันทึกบทความที่ผู้เขียนบล็อกสนใจในด้านอื่นด้วย ที่เห็นชัดเจนคือ เนื้อหาบล็อกประเภท วิจารณ์การเมือง หรือการรีวิวผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ตัวเองเคยใช้หรือซื้อมานั่นเองอีกทั้งยังสามารถแตกแขนงไปในเนื้อหาในประเภทต่างๆอีกมากมายตามแต่ความถนัดของเจ้าของบล็อก ซึ่งมักจะเขียนบทความเรื่องที่ตนเองถนัด หรือสนใจเป็นต้น

จุดเด่นที่สุดของ Blog ก็คือมันสามารถเป็นเครื่องมือสื่อสารชนิดหนึ่ง ที่สามารถสื่อถึงความเป็นกันเองระหว่างผู้เขียนบล็อกและผู้อ่านบล็อกที่เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนของบล็อกนั้นๆผ่านทางระบบcommentของบล็อกนั่นเอง

  💫 ประโยชน์ของ web blog 👈 

               Blog มีไว้เพื่อตอบสนองตัณหาของเจ้าของ blog ถึงแม้ว่า blog จะมีลักษณะหน้าตาคล้ายกัน แต่ blogแต่ละแห่งจะมีบุคลิกเฉพาะตัว แตกต่างกันไปเหมือนบุคลิกบางblogแค่เล่าเรื่องชีวิตประจำวัน บาง blog เกาะติดข่าว บางblogคุยเรื่องการเมืองหรือปรัชญา ซึ่งอาจจะแจกแจงได้ดังนี้
         1.เปิดตัวเองให้โลกรู้ เรื่องของ blog มักเป็นเรื่องราวของเจ้าของ blog เป็นการเล่าประสบการณ์หรือความคิดของเจ้าของเป็นการถ่ายทอดความคิดความรู้สึกของเจ้าของ blog เป็นการระบายความเคลียดอีกวิธี
         2.ทันข่าวทันเหตุการณ์ ประสบการณ์บางคนก็เป็นข่าวเห็นอีกหลายคนได้ ข่าวจาก blog หลายแห่งเป็นข่าววงใน บางคนเล่าเหตุการณ์หรืออุบัติเหตุที่เจอมา หลาย blog พูดถึงแนวโน้มหรือความเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ
        3. กลั่นกรองข้อมูล blog บาง blog จะมีการกลั่นกรองข้อมูลก่อนนำลง blog ทำให้ผู้อ่าน blog ไม่ต้องเสียเวลาในการกลั่นกรองข้อมูล เพราะมีการนำเสนอข้อมูลหรือมีไกด์ในการท่องเว็บ
        4. รายงานการท่องเว็บ เป็นวัตถุประสงค์หลักที่เป็นต้นกำเนิดของการทำ blog หลาย blog มีการลิงก์ไปยังเว็บที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาใน blog ซึ่งเป็นการแนะนำว่าเว็บไหนดีก็ไปที่เว็บนั้น
      5. การแสดงความคิดเห็น ไม่ว่าจะเป็นความในใจของเรื่องต่างๆ ความคิดเชิงสร้างสรรค์ หรือการบ่นที่ทุกคนมีอยู่ในใจ การทำ blog เป็นช่องทางถ่ายทอดความคิดเห็นให้คนอื่นรับรู้
       6. ถ่ายทอดประสบการณ์ หรือไดอะรี่ออนไลน์ เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวในชีวิตประจำวัน หรือเป็นการเล่าเรื่องการเดินทางท่องเที่ยว เช่น www.terrystrek.com
       7. โน้มน้าวใจผู้อ่าน ลักษณะนี้เป็นการโฆษณาชวนเชื่อ แต่กรณีแบบนี้เป็นการขายความคิด อย่าง blog สำหรับคอการเมืองอาจจะมีฝ่ายซ้าย - ฝ่ายขวา,สายเหยี่ยว ­- สายพิราบ จะพบว่าเนื้อหาจะเป็นการโพสต์โจมตีฝ่ายตรงข้าม แล้วก็สนับสนุนแนวความคิดของตนเอง

👍 ข้อดีและข้อเสียของ Blog 👌

ข้อดี
- มีอิสระที่จะนำเสนอสิ่งต่างๆ (ที่ไม่ไปก้าวล่วงบุคคลอื่น และไม่ผิดกฎกติกาของผู้ให้บริการ Blog)
- เปิดโอกาสให้เจ้าของ Blog ได้รับฟังความคิดเห็นของผู้เข้าชมและโต้ตอบกลับได้อย่างอิสระ
- ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ในด้านภาษาโปรแกรมต่างๆ 
- หากพอมีความรู้ด้านภาษาเว็บพื้นฐาน (HTML) จะสามารถช่วยทำให้เข้าไปแก้ไข Source Code ได้
เพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบ Template ของ Blog ตามต้องการ
- สามารถใช้ Blog ในการทำธุรกิจหารายได้ จากการโปรโมทสินค้าหรือบริการ
- สามารถใช้สร้างเป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ได้ 
ใช้งานได้ฟรี!! ไม่เสียค่าใช้จ่าย (ยกเว้นต้องการจด DomainName เป็น .com .net .org .info)
- มี Template ให้เลือกใช้มากมาย (ทั้งแบบฟรีและเสียเงิน)
- Server มีความเสถียรสูง ปัญหาในด้านความช้า หรือ Server ล่ม พบน้อยมาก
ข้อเสีย

- ฟังก์ชั่นและลูกเล่นต่างๆ ยังมีน้อยหากเทียบกับเว็บไซด์ที่สร้างเองหรือเว็บไซด์สำเร็จรูป
- แม้มีรูปแบบ Template ให้เลือกใช้มากมายแต่โครงสร้างเว็บก็ยังคงค่อนข้างตายตัว
- เนื่องจากเป็นบริการให้ใช้ฟรี หากเราทำผิดกฎของผู้ให้บริการ Blog เราจะถูกแบน และมีโอกาส
ถูกลบ Blog ได้ (แต่ถ้าไม่ได้ทำผิดกฎอะไร ก็อยู่ได้อย่างยาวนานจนกว่าผู้บริการจะเลิกให้บริการ)



😆 วิธีการสร้าง Blog 😁



😼 Video ความรู้เรื่อง Blog 😸









💃การใส่เพลงลงใน blog 🙌











กิจกรรมที่ 4

Presentation1 from anchana rujiwattanapong