วันอังคารที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ใบงานที่ 4 บทความสารคดี

 

ต้นกระบองเพชร
🔺 (cactus) 🔺



              กระบองเพชร (Mila sp., อังกฤษ: cactus) เป็นพืชชนิดหนึ่งที่อยู่ในทะเลทราย ต้นกระบองเพชรสามารถยืนต้นอยู่ได้แม้อยู่ในทะเลทรายที่แห้งแล้งกันดารโดยไม่ตายเพราะนานๆครั้งหนึ่งจะมีฝนตกจำนวนมากโดยต้นกระบองเพชรจะเก็บน้ำไว้ในลำต้นเป็นจำนวนมากมันจะใช้น้ำตลอดระยะเวลาแห้งแล้งที่ยาวนานและมันจะเปลี่ยนใบเป็นหนามเพื่อลดการคายน้ำดังนั้นมันจึงสามารถอยู่ในทะเลทรายได้
              สรรพคุณทางสมุนไพรของกระบองเพชร: สามารถใช้บรรเทาโรคบิดได้ สารสกัดกระบองเพชรช่วยลดอาการเมาค้าง ช่วยดูดซับรังสีจากจอคอมพิวเตอร์
        กระบองเพชรมีชื่ออื่นดังนี้ : โบตั๋น ท้าวพันตา แคกตัส









ความเชื่อ            การเป็นมงคล คนไทยโบราณเชื่อว่าบ้านใดปลูกต้นกระบองเพชรไว้ประจำบ้านจะทำให้เกิดโชคลาภ เพราะถ้าผู้ใดปลูกต้นกระบองเพชรให้เกิดดอกได้มากและสวยงามแสดงว่าผู้นั้นจะมีโชคลาภ ดังนั้นคนไทยโบราณถือว่าเป็นไม้เสี่ยงทายชนิดหนึ่ง นอกจากนี้ยังเชื่ออีกว่ายังสามารถป้องกันศัตรูจากภายนอกได้อีกด้วย เพราะต้นกระบองเพชรมีหนามและความคงทนแข็งแรง ดังนั้นคนไทยโบราณจึงนิยมปลูกตามแนวรั้วบ้าน เพื่อให้เป็นที่กลัวเกรงของศัตรูภายนอกตำแหน่งที่ปลูกและผู้ปลูกเพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย ควรปลูกต้นกระบองเพชรไว้ทางทิศตะวันตกผู้ปลูกควรปลูกในวันเสาร์เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เพื่อเอาคุณทั่วไปให้ปลูกในวันเสาร์


วิธีการปลูกและการดูแล
          มีคำพูดที่ได้ยินอยู่เสมอว่า ถ้าเลี้ยงแคคตัสตาย ก็ไม่ต้องเลี้ยงต้นอะไรแล้วแต่สำหรับคนที่เคยเลี้ยงมาแล้ว ก็มักจะพูดว่าเลี้ยงอยากจัง เน่าตายหมดเลย ต้นไม่สวยเหมือนตอนที่ซื้อมาเลย” สรุปว่า เลี้ยงง่ายหรือยากก็ไม่รู้ แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาที่เคยเลี้ยงดูแลพวกเขาอยู่ 3 ช่วงใหญ่ ๆ พบว่า ถ้าเข้าใจพื้นฐานความต้องการของต้นไม้พวกเขาเหล่านี้ดีแล้ว การเลี้ยงและดูแลแคคตัสก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยครับ แต่ที่เลี้ยง ๆ แล้วตาย นั่นเป็นเพราะดูแลเขาอย่างผิดวิธีนั่นเอง

          ธรรมชาติของแคคตัสส่วนใหญ่เกิดในทะเลทราย ที่โดนแสงแดดจัดทั้งวัน แถมฟ้าฝนก็ไม่ค่อยจะตก น้ำก็ไม่ค่อยจะมี แค่เรื่องนี้ เราก็น่าจะทราบได้ดีแล้วว่า การดูแลพวกเขาให้ดี ต้องทำอย่างไร จุดหลักจากข้อมูลข้างต้น ก็จะพบว่า แคคตัสต้องวางให้โดนแดดจัด ๆ ทั้งวัน และไม่ต้องรดน้ำให้เขามาก พวกเขาเอาตัวรอดได้จากการเก็บน้ำไว้ในลำต้นอันอวบอิ่มอยู่แล้วครับ
          ในบ้านเรา ถ้าเราไปซื้อแคคตัสจากร้านค้ามา ในการเลี้ยงดูของฟาร์มแต่ละฟาร์มนั้น ส่วนมากเขาจะเลี้ยงกันในโรงเรือนแบบปิด มีหลังคาเป็นหลังคาโปร่งแสงเพื่อให้แสงแดดส่องเข้ามาได้ตลอดทั้งวัน แต่จะกันน้ำกันฝนที่ตกลงมาเพียงเท่านั้นเอง การรดน้ำ ก็จะทำการรด 3-5 วันต่อครั้ง ดังนั้น เวลาที่เราไปซื้อหามาแล้วเอาพวกเขาไปตั้งบนโต๊ะทำงาน ห้องรับแขก โดยทันที แบบนี้ สักพักก็เตรียมเงินไว้ซื้อใหม่ได้เลยครับ เพราะพวกเขาจะค่อย ๆ ตายไปแบบที่คุณเองก็ไม่รู้ตัว



สถานที่ปลูกเลี้ยงแคคตัส
          การดูแลให้พวกเขางดงาม สวยเหมือนตอนที่ซื้อมา ที่ควรทำก็ต้องทำการเลี้ยงดูให้เหมือนกับฟาร์มนั่นแหละครับ เป็นโรงเรือนหลังคาใส แต่ว่าจะให้ทำแบบนั้นก็คงลำบากจนเกินไป ดังนั้น เราก็ต้องค่อย ๆ ให้พวกเขาปรับตัวทีละนิด เช่น วางพวกเขาไว้ที่ระเบียงที่โดนแดดเกือบทั้งวัน สำหรับคนที่พักอยู่ตามคอนโด จะอยู่ตะวันออกหรือตะวันตก ที่มีแสงแดดก็คงโชคดีหน่อย แต่ถ้าไม่มีแสงแดดเลย ก็ไม่ควรซื้อพวกเขามาเลี้ยงเลยนะครับ ตายเสียเปล่า ๆ
สำหรับคนที่อยู่บ้านมีสนามมีพื้นที่ที่โดนแดดจัดทั้งวัน ก็จะดีมาก สามารถเอาพวกเขาไปตากแดดได้เต็มวันเลยทีเดียว แต่ถ้าเป็นช่วงหน้าฝน ก็หาขวดพลาสติกใสมาตัดด้านก้นขวดออก แล้วครอบต้นแคคตัสไว้เป็นต้น ๆ เลยก็จะป้องกันน้ำฝนได้ดีครับ ด้านปากขวดไม่ต้องปิดฝานะ อากาศจะได้ระบายถ่ายเทได้ แต่ถ้ามีหลาย ๆ ต้น ก็ทำหลังคาใสมาบังไว้เลยก็จะดีมากครับ
          กรณีที่อยากเอามาวางประดับบนโต๊ะบ้าง ก็ยังสามารถทำได้ครับ ก็คือเลี้ยงสักหลาย ๆ ต้นหน่อย แล้วเวียนเอาพวกเขามาตั้งประดับสัก 2-3 วัน แล้วก็เอาออกไปเปลี่ยนคืนนั่นเอง การทำแบบนี้ ก็ใช่ว่าจะดีนะครับ แค่สามารถยืดชีวิตพวกเขาไปได้นานขึ้นก็เท่านั้นเอง นาน ๆ ไป ก็อาจจะแคระแกรนได้เช่นกันครับ แสงแดดจำเป็นต่อชีวิตพวกเขามาก เป็นพันธุ์หนาม หนามก็จะยาวสวยงาม เป็นพันธุ์ขนขาวปุย ก็จะขาวหนานุ่มสวยงามเช่นกัน



การดูแลรดน้ำแคคตัส
          มาว่าถึงอีกเรื่องที่สำคัญก็คือ การให้น้ำ แคคตัสเป็นพืชที่ไม่ชอบน้ำมาก ให้น้ำมากคือการฆ่าพวกเขาให้ตายนั่นเอง การเอาตัวรอดในเรื่องน้ำ พวกเขาพัฒนามาเป็นล้าน ๆ ปีแล้ว นั่นคือลำต้นที่อวบอิ่มเก็บกักน้ำไว้ภายในนั่นเอง
          ให้สังเกตดินปลูกเลี้ยงว่าแห้งแล้วหรือยัง ถ้าแห้งแล้วก็ให้ใช้ฝักบัวรดให้ชุ่ม ส่วนระยะเวลาห่างในการรดน้ำ สังเกตุง่าย ๆ หลังจากที่เรารดน้ำไปวันแรก ให้เช็คดูว่า อีกกี่วันดินถึงจะแห้ง เมื่อดินแห้งแล้วให้เว้นไปอีก 1 วัน แล้วค่อยรดน้ำใหม่ โดยให้ปล่อยดินได้แห้งบ้าง ไม่ใช่ชุ่มฉ่ำเปียกอยู่ตลอดเวลา ขนาดของกระถางเล็ก กระถางใหญ่ ก็มีผลกับระยะในการแห้งของดิน โดยเฉลี่ยแล้วจะรดประมาณ 4-5 วันครั้ง ถ้าเป็นไม้ต่อที่ต้องการน้ำมากหน่อย ก็จะรดวันเว้นวัน ถ้าเป็นกลุ่มฮาโวเทียจะรดพร้อมกับแคคตัส แต่จะสเปรย์น้ำให้วันเว้นวัน ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์อีกต่างหาก

การใส่ปุ๋ยแคคตัส
          สามารถใช้ปุ๋ยกล้วยไม้ให้แก่แคคตัสได้ แต่ควรใช้ในปริมาณที่ต่ำกว่าฉลากข้างขวดระบุไว้  ไม่ควรให้ปุ๋ยแคคตัสในปริมาณมาก เพราะอาจเกิดผลร้ายมากกว่าผลดี
          วิธีให้ปุ๋ยให้ได้ผลดีคือ ผสมให้เจือจางกว่าปกติ แต่รดให้บ่อยกว่าปกติ ใช้ปุ๋ยกล้วยไม้ 1 กรัม ต่อน้ำ 1 ลิตร รดทุก ๆ 2 สัปดาห์ก็พอ
          การให้ปุ๋ยแก่ต้นไม้ทุกชนิด ควรเริ่มให้เมื่อต้นไม้สามารถตั้งตัวได้ดีแล้ว ระบบรากเดินดีพร้อมที่จะกินอาหารได้ เวลาที่เราเปลี่ยนกระถางใหม่ ๆ ควรงดปุ๋ยไปจนกว่ายอดของต้นจะเริ่มเดิน นั่นหมายถึงสัญญานว่า ระบบรากเริ่มทำงานแล้ว  การรักษาระยะเวลาให้สม่ำเสมอในการให้ปุ๋ย จึงเป็นสิ่งควรยึดถือเป็นหลักในการปฏิบัติ เพื่อสุขภาพที่ดีของแคคตัส
          ส่วนยาฆ่าแมลงหรือยาป้องกันเชื้อราต่าง ๆ ผสมน้ำรดทุก ๆ 2-3 เดือน ต่อ 1 ครั้งก็เพียงพอแล้ว


การปลูกหรือเปลี่ยนกระถางแคคตัส
          การปลูกจะกระทำเมื่อแยกหน่อหรือได้ต้นใหม่ ส่วนการเปลี่ยนกระถางจะกระทำเมื่อต้นโตคับกระถางเก่า แต่อย่าลืมว่าต้องใช้ดินปลูกโดยเฉพาะเท่านั้น จะซื้อแบบที่เป็นถุงสำเร็จรูปสำหรับปลูกแคคตัสโดยเฉพาะ หรือจะผสมเองก็แล้วแต่เลย สูตรสำหรับดินก็มีให้เลือกหลากหลายมากมายอยู่เหมือนกันครับ สำหรับส่วนประกอบหลักที่เราจะผสมลงไปก็ ได้แก่
               เนื้อดิน เช่น ดินขุยไผ่  ดินใบก้ามปู ดินที่ผสมใบไม้หมักต่างๆแกลบ ขุยมะพร้าว พีทมอส หรือ มูลสัตว์ต่าง ๆ
               วัสดุที่ช่วยเพิ่มความโปร่งให้ดิน เช่น เพอร์ไลท์ (Perlite) หินภูเขาไฟ (Pumice) เวอร์มิคูไลท์ (Vermiculite) กรวดแม่น้ำ มะพร้าวสับ ถ่าน
                สารเคมีต่าง ๆ เช่น ปุ๋ยละลายช้า ยาฆ่าแมลงแบบเกร็ด (สตาร์เกิ้ลจี ฟูราดาน) ยาฆ่าเชื้อรา
ส่วนประกอบหลัก 3 ส่วนนี้ ควรจะเลือกชนิดที่นำมาผสม ให้เข้ากับความสะดวกในการซื้อหา และให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่นั้น ๆ
          ในการผสมดินนั้น เราควรคำนึงถึงความสะอาดของดินเพื่อไม่ให้เกิดเชื้อราหรือเชื้อโรคต่างๆในวัสดุที่เราจะนำมาผสมเราควรทำความสะอาด หรือ ตากแดดไว้สัก 3–5 วัน ก่อนที่จะนำมาผสมส่วนประกอบที่จะนำมาผสม มีธาตุอาหารเพียงพอหรือไม่ดินมีความโปร่งพอหรือไม่ดินโปร่งจะทำให้ดินแห้งไวน้ำสามารถซึมผ่านไปได้ทั้งกระถางตามธรรมชาติของแคคตัสแล้ว ไม่ได้ต้องการเนื้อดินเยอะควรเน้นไปที่วัสดุที่ช่วยความโปร่งให้ดินแล้วใส่ดินไปประมาณ ¼ ก็เพียงพอแล้วข้อสำคัญหลังจากที่ผสมดินเสร็จแล้ว ควรรดน้ำให้ชุ่ม และตากแดดทิ้งไว้ประมาณ 1-2 อาทิตย์ เราจะได้ดินที่สะอาดและไม่มีความร้อน จากการย่อยสลายตัวของอินทรีย์สารในดิน
ส่วนสูตรดินมีหลากหลายมากขึ้นอยู่กับวัสดุด้วยในที่นี้ขอใช้สูตรของ Jibi Cactus อีกเรื่องที่สำคัญคือขนาดของกระถางต้องเลือกให้เหมาะสมกับขนาดของต้นแคคตัส ม่เล็กและใหญ่จนเกินไปด้วย
                 1. ดินร่วน 1 ถ้วย
                 2. ทรายหยาบ 1 ถ้วย
                 3. พีทมอส 1 ถ้วย
                 4. หินภูเขาไฟ 1 ถ้วย
                 5. เพอร์ไลท์ 1 ถ้วย
                 6. แกลบดำ ½ ถ้วย
          ส่วนวัสดุที่นำมาโรยหน้าดินให้เลือกหินที่ไม่คมหรือแหลมเกินไปจนทำให้บาดต้นสีสันให้เข้ากับธรรมชาติการโรยหน้าดินช่วยป้องกันไม่ได้เศษดินดำๆกระเด็นไปโดนปุยขาวๆหรือเลอะโคนต้น


https://www.pinterest.com/pin/639581584552390426/


➷Vedio การเริ่มเลี้ยงต้นกระบองเพชร➹






https://www.youtube.com/watch?v=TM0NuHr1JL8&t=22s


➷ตัวอย่างธุรกิจกระบองเพชร➹



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

กิจกรรมที่ 4

Presentation1 from anchana rujiwattanapong